รูปภาพ

การตรวจสอบตาราง PERSON ในทัศนะของข้าพเจ้า….จากการส่งออกของ HosxpPCU

ก่อนอื่นก็ยังบอกเหมือนเดิมนะว่าไม่ได้เรียนมา…แต่อยากรู้ เลยต้องศึกษาเอง เพราะ..ไม่ค่อยมีใครบอก ธรรมดาของคนหวงวิชา…….แต่สำหรับ หมอกร…แล้ว….เกินร้อยครับ…

ทุกอย่างเน้น…..ไม่คิดตังค์.
เริ่มเลยแล้วกัน

…โปรดใช้วิจารณญาณในการทำตามนะครับ..

1. แนะนำให้ทุกท่านส่งออกเลข CID 13 หลักของตาราง PERSON ในระบบ 21 แฟ้ม ในโปรแกรม HosxpPCU

2. เอาเฉพาะเลข 13 หลัก เข้าไปตรวจสอบในโปรแกรมของ สปสช.ในการตรวจสอบสิทธิ์เป็นกลุ่ม

3. จะได้ไฟล์ text ซึ่ง ฟิลด์ STATUS = 3 คือ คนที่เสียชีวิต  และก็ลองนำมาทำคิวรี่กับตาราง PERSON เราดู

และนี่คือขั้นตอนที่ทำในการตรวจสอบรายละเอียดถ้าอยากรู้โทรมาถามต่อนะครับ….

แต่ที่สำคัญ….อยากให้ลองมาดูข้อมูลในโปรแกรม HosxpPCU ดีกว่าว่าเราจะตรวจสอบข้อมูลเรายังงัยดี..ข้อมูลจะไม่ ERR หรือ ถ้า ERR ขอให้น้อยที่สุด   ตามหลักการของผม…

1. เข้าโปรแกรม HosxpPCU แล้วเข้าไปที่ SQL Query 3

2

2. แล้วพิมพ์คำสั่ง SQL ตามผมไปเลย ..อาจจะมีการสร้างสัมพันธภาพ (ความสัมพันธ์ของตารางหน่อยเพื่อง่าย) และก็รวมฟิลด์นิดนึงนะ ตามนี้เลย  พิมพ์เสร็จ อย่างลืมคลิ๊ก RUN นะครับ

select substr(person.village_id,2,2) as MOO,house.address,person.cid,
concat(person.pname,person.fname,’ ‘,person.lname) as FULLNAME,
person.house_regist_type_id,person.person_discharge_id,person.death
from person,house
where person.house_id=house.house_id and person.death =’Y’
and person.person_discharge_id<>’1′

1

//ความหมายก็คือ ให้แสดงตาราง person และ บ้านเลขที่ โดยมีหัวข้อคอลัมน์ ดังที่แสดง
โดยมีเงื่อนไขว่าให้แสดง person.death =’Y’ คือคนที่เราคีย์ว่าเสียชีวิตแล้ว และ person_discharge_id<>’1′ คือ สถานะคนที่จำหน่ายว่าตาย ยังไม่ได้ถูกจำหน่ายหรืออย่างอื่น ซึ่งมีโครงสร้างคือ

person_discharge
person_discharge_id person_discharge_name
1 เสียชีวิต
2 ย้าย
3 สาบสูญ
9 ยังอาศัยอยู่

แสดงว่าในโปรแกรม HosxpPCU เราไม่ได้เลือกตรงนี้ ตามรูป

5

 

 

 

 

ของผมเคียร์เรียบร้อยแล้ว….ก็เลยไม่ขึ้นไรเลย..โชคดีไป  ใครขึ้นแบบผมในภาพบนถัดไป 2 รูปน่ะ ไม่ต้องตกใจนะเพราะ OK ครับ

เราก็กลับไปแก้ไขซะ..นะจ๊ะ

แต่ถ้ามันเยอะจัดก็ต้องใช้วิชา คิวรี่ช่วย….ถ้าใครอยากทำติดต่อส่วนตัวครับ

ยินดีให้บริการ….ถ้าเผยแพร่ไปเดี๋ยวผิดพลาด..จะโดนด่า..ฟรี…

 

 

การคีย์ข้อมูล อสม.แบบง่าย ๆ ที่ลองทำแล้ว….ใน HosxpPCU ครับ

การคีย์ข้อมูล อสม.แบบง่าย ๆ ที่ลองทำแล้ว….ใน HosxpPCU ครับ

ยินดีให้เผยแพร่ต่อครับ….

  1. เข้าไปที่ ระบบบัญชี 1 – 8 แล้วเลือก หมู่ที่ต้องการลง

 

osm1

2. คลิ๊กตรงองค์กรชุมชน แล้วเลือกตรงเพิ่มองค์กรชุมชน

osm2

3. ในช่องชื่อองค์กรให้พิมพ์ อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในช่องประเภทให้เลือก อสม. เสร็จแล้ว ให้เพิ่มชื่อสมาชิกที่เป็น อสม. ตรงเพิ่มสมาชิก เมื่อครบทุกคนแล้ว คลิกบันทึก

osm3

4. เมื่อเพิ่มองค์กรเรียบร้อยแล้ว เพิ่มรายชื่อ อสม.ครบแล้ว ให้ไปเลือกตรงแก้ไของค์กรชุมชน

5. แล้วเลือกให้แถบสีตรงกับชื่อ อสม.เสร็จแล้วมาคลิกเลือกตรงแก้ไขสมาชิก ถ้าจะให้สะดวกขึ้นให้เรียงบ้านเลขที่ก่อน โดยการคลิ๊กตรงคอลัมน์ที่ชื่อว่าบ้านเลขที่ ก็จะเรียงบ้านเลขที่ที่นำหน้าด้วยเลขตามลำดับ

osm4

6. แล้วให้มาเลือกบ้านเลขที่ที่ อสม.คนนั้นรับผิดชอบ

  • 7. ครบแล้วก็บันทึก เป็นอันเรียบร้อย
  • 8. ลองมาตรวจสอบในบัญชี 1 ดูว่ามีชื่อ อสม.ขึ้นตรงแถบประจำบ้านหรือยัง ถ้าขึ้นแล้วแสดงว่า โอเคแล้วครับ

 

ง่าย ๆ ครับ

ต้องยกเครดิตให้ รพ.สต.สะแกราบ โดยน้องก้อย พนักงานคีย์ข้อมูล…ที่เป็นคนแนะนำผมมาโดยการถ่ายทอดของท่าน ผอ.รพ.สต.สะแกราบ คือ พี่สินาภรณ์นั่นเอง…

ขอบคุณครับ…..

ถ้าใครรู้ หรือทำได้แล้ว..ก็ถือซะว่า ยังมีคนอื่นที่ยังไม่ทราบอย่างผมอีก….

คำอธิบายเรื่องของ my.ini และ my.cnf ของ ในเครื่อง server Hosxp pcu…

ซึ่ง Linux  อยู่ในห้อง #root/etc/my.cnf

ส่วน Windows  ไปที่ Run หรือ search  พิมพ์ my.ini จากนั้น Enter

จะเป็นไฟล์ที่เปิดด้วย editor ขึ้นมา

ได้มาจากการที่ค้นหามานะครับ..เผื่อไว้เพื่อศึกษากัน…

แต่ถ้าใครอยากแก้ไขดูก็ต้องรอบคอบหน่อยนะครับ….แต่สำหรับผม ไม่ลองไม่รู้ครับ…

[mysqld]

basedir=C:\Program Files\HOSxP\MySQL

datadir=C:\Program Files\HOSxP\MySQL\data

default-character-set=tis620  ###ทำให้ใช้งานภาษาไทยได้ ต้องเซ็ทตรงนี้ให้เสร็จก่อนที่จะ import ข้อมูลภาษาไทยเข้าไป

skip-charecter-set-client-handshark = ใช้เซ็ตภาษาให้กับโปรแกรมอื่น ช่น access

key_buffer=128M          ###ควรเซ็ทเป็น 40% ของ ram ที่มี

table_cache=256 ###ให้เท่ากับตารางทั้งหมดที่มีใน DB

sort_buffer_size=1M ###เป็นหน่วยความจำที่จองไว้ต่อจำนวน connection

read_buffer_size=1M  ###เป็นหน่วยความจำที่จองไว้ต่อจำนวน connection

read_rnd_buffer_size=1M  ###เป็นหน่วยความจำที่จองไว้ต่อจำนวน connection

myisam_sort_buffer_size=32M  ###ในการที่เรา create index จะใช้หน่วยความจำส่วนนี้ ควรเซ็ทไว้ 10-20%

max_allowed_packet=32M ###เป็นตัวกำหนดค่าการส่งข้อมูลใน 1 statement เช่น คำสั่ง insert ที่มีรูปมาด้วย หากคำสั่งนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจำนวนที่กำหนดไว้ จะ error แนะนำให้กำหนดไว้ 128M อ่านเพิ่มเติม

วิธีแก้ไข Hosxp pcu ขึ้นหน้าต่าง Inventory warning,please enabled event scheduler in my.ini or my.cnf เมื่อ update hosxp PCU

เมื่อมีหน้าต่างที่มีข้อความประหลาดขึ้นมาสำหรับ ตอนเปิด Hosxp PCU ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เป็นที่น่ารำคาญใจ ให้ทำแบบนี้นะครับ

1. คลิ๊กตรงเมนู Start ของ Windows แล้วพิมพ์คำว่า my.ini ใช่ช่อง search ใน win7 หรือ run ใน winXP แล้วใช้เม้าท์เลือก คำว่า my.ini

รูปภาพ

2. ให้แทรกคำว่า event_scheduler=on ในบรรทัดที่ 2 ต่อจาก [mysqld]

รูปภาพ อ่านเพิ่มเติม

หันมาจัดการเรื่องแย่ๆ ด้วยพลังความคิดบวก++++

เคยมีบ้างไหมที่รู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างรอบตัวดูแย่จัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เจอแต่ปัญหา มีแต่เรื่องร้าย ๆ ไปเสียหมด เหมือนโชคก็ไม่เข้าข้างเอาเสียเลย !!!  หากคุณกำลังเผชิญกับภาวะรุมเร้าดังว่านี้ อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาที่เลวร้ายทำลายวันนั้นของคุณทั้งหมด ลองหันมาใช้พลังบวกในตัวเองเปลี่ยนมุมลบในวันแย่ ๆ ให้เป็นวันที่สดใส   เพราะการมองหาสิ่งที่ดี ๆ ในชีวิตแม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมของคนเรา  การคิดบวกไม่ต้องลงทุนเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่กลับช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่พิสูจน์แล้วว่าคนที่มองโลกในแง่บวกมักมีสุขภาพกายและใจที่ดี มีอายุยืนยาว ทั้งยังประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่มีทัศนคติในแง่ลบ

          เราทุกคนล้วนแต่เคยมีวันที่แย่ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายหรือช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราจะพบทางออกดี ๆ ได้อย่างไร ถ้าอยู่ในสภาพท้อแท้สิ้นหวัง หมดกำลังใจ หมกมุ่นอยู่กับความคิดเชิงลบและไม่มีความสุข  การกล่าวโทษตนเองหรือโยนความผิดให้คนอื่นมีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง แม้ว่าการคิดเชิงบวกจะไม่สามารถทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นอันตรธานหายไปราวกับเวทมนตร์ แต่ด้วยทัศนคติเชิงบวกเราจะสามารถปรับปรุงสถานการณ์และควบคุมสภาวะของจิตใจ ปฏิกิริยาและพฤติกรรมของตนเองได้ดียิ่งขึ้น และสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมากเกินไป คนที่คิดบวกเป็น จึงมีความสุขมากกว่า และเจ็บปวดทุกข์ใจน้อยกว่า

เคล็ดลับ 7 ประการ ในการคิดบวก

แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกันมากเกี่ยวกับความคิดเชิงบวก แต่น้อยคนที่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยู่กับความคิดบวกที่ล่องลอยในอากาศ  การฝืนยิ้มและบอกตัวเองว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้ว การละเลยปัญหาและความยุ่งยากต่าง ๆ โดยไม่ได้ใช้พยายามที่จะแก้ปัญหา ฯลฯ วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่การคิดเชิงบวก คนที่คิดเชิงบวกไม่เพียงคาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายจะดีขึ้น แต่จะต้องลงมือปฏิบัติด้วยการมองหาโอกาสในการแก้ไขปัญหานั้น ในภาวะปกติที่สุขสบายอาจเป็นการง่ายที่จะคิดบวก แต่การคิดบวกไม่ง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติหรือสถานการณ์ที่ร้ายแรงต่าง ๆ นอกเสียจากผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว เพราะการคิดเชิงบวกนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ คือ ต้องมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการฝึกฝนจนคล่องแคล่ว ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำได้ดีราวกับนักกีฬาโดยไม่ผ่านการเรียนรู้และฝึกซ้อม   เทคนิคในการคิดบวกนั้นมีหลากหลายแนวทาง ในที่นี้ขอเสนอเคล็ดลับ 7 ประการ สำหรับการคิดเชิงบวก ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นวิธีง่าย ๆ แต่หากลองนำไปใช้ปฏิบัติจะพบว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง

  • จำไว้เสมอว่า “เวลาคือของขวัญล้ำค่า”  บางวันบางเวลาดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่  แต่ชีวิตคนเรานั้นประกอบด้วยช่วงเวลาสั้น ๆ มากมาย และแต่ละช่วงเวลาให้โอกาสเราในการเลือกที่จะมองในมุมที่ดีหรือมุมที่เลวร้าย  การยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต ถือเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้วนั้น เราไม่สามารถจะตามไปแก้ไขอะไรได้  พึงระลึกเสมอว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่เปิดโอกาสสำหรับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตของคุณได้อีก ความผิดพลาดในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ บางเรื่องราวหรือบางคนอาจทำให้เราโกรธหรือเครียดมากเมื่อวันก่อน ครั้นมาวันนี้เราอาจลืมเรื่องราวหรือคน ๆ นั้นไปแล้วก็ได้  อย่าปล่อยให้เหตุการณ์เพียงเรื่องเดียวมาควบคุมชีวิตของคุณ จงเรียนรู้ที่จะมองข้ามช่วงเวลาที่ผิดหวังหรือทุกข์ใจ ให้เห็นโอกาสอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า

อ่านเพิ่มเติม

การทำงานบนพื้นฐาน ”ความรัก ความไว้วางใจ ความศรัทธา และทำงานด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์” (ตอนที่ ๑)

จากการที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดการ และเป็นวิทยากรค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา ๒ ปี  ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่คุ้มค่าที่สุดที่ได้เกิดมา เพราะได้รู้ ได้เห็น ชีวิตในมุมมองที่แตกต่างกันของ “คน” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ประเสริฐ โดยมีพื้นฐานของการดำรงชีวิต ครอบครัว ฐานะ และสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน หากใครไม่ใส่ใจคงจะมองว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผ่านมาและผ่านไปในชีวิต ..แต่สำหรับผมมันคือประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่ใคร ๆ ก็สามารถที่จะเข้าถึงได้ เพราะทุกอย่างอยู่บนรากฐานของ…”ความรัก ความไว้วางใจ ความศรัทธา และที่สำคัญคือการทำงานด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์”

จากการที่เคยได้ผ่านการอบรมหลักสูตรการทำงานด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ โดยมี นพ.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ผู้ซึ่งเป็นบุคคลที่สอนให้ผมได้รู้จักคิด และลงมือทำโดยใช้คำว่า “หัวใจของความเป็นมนุษย์” มาทำงาน ถึงแม้ว่ามันจะช้าไปสักหน่อยแต่ผมก็คิดเสมอว่าถึงแม้จะช้า ก็ยังดีกว่าที่จะไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า   “ในบรรดารูปแบบและวิธีการที่หลากหลายในการเรียนรู้ของมนุษย์ เรื่องเล่า เป็นเครื่องมือสำคัญที่มนุษย์ใช้เรียนรู้ความรู้สึกนึกคิด ที่เป็นความประณีตละเอียดอ่อน การเล่าเรื่อง และการเรียนรู้จากเรื่องเล่า เป็นความสามารถที่มนุษย์มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด เด็กเล็กๆ จึงสามารถเรียนรู้โลกจากการฟังเรื่องเล่ามาเนิ่นนานก่อนหน้าที่จะรู้จักตัวเลขและการคำนวณ อาจกล่าวได้ว่า สัญชาตญาณการเรียนรู้จากเรื่องเล่านี้เองที่ทำให้มนุษย์เข้าใจความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งที่ซับซ้อนได้แตกต่างไปจากสัตว์ เพราะมนุษย์ทำความเข้าใจโลกผ่านเรื่องเล่าและการเล่าเป็นเรื่องสำคัญ โลกและการดำรงอยู่ของสรรพสิ่งจึงปรากฏในความรับรู้ของมนุษย์ในรูปของเรื่องราว”     แต่จากการเรียนรู้ก็ทำให้ผมทราบอีกว่า เรื่องเล่าต่างๆ จากบุคคล สถานที่ และเวลา ที่แตกต่างกัน ก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับกลุ่มที่ผมสัมผัสมา คือกลุ่มที่เข้าค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั่นเอง อ่านเพิ่มเติม

มุมมองของปัญหา…..เรื่องที่ ๑ (ความกลัวที่ก่อให้เกิดปัญหา)

ถ้าคนเราลดความเห็นแก่ตัวลง แล้วลองกลับมามองตัวเอง พิจารณาและโทษตัวเองกันดูบ้าง มัวแต่มองคนอื่นและสิ่งแวดล้อมรอบกาย คือตัวปัญหา จึงทำให้สังคมทุกวันนี้เกิดปัญหาเกินเยียวยาขนาดนี้ ..

เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง และหลายๆท่าน สอนเด็กๆ และตัวผมว่า ต้องเข้าใจโลกว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องปรับตัวให้อยู่กับสังคมให้ได้ คนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง ทำงานเก่งหรอก แค่เพียงมีพวกพ้องมากอยู่ในสังคม และมีเงินเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้

จากคำพูดเหล่านี้ผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้ ก็เห็นกัน อย่างชัดเจน แต่มันอยู่ในบรรยากาศที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกกันต่างหาก …ทุกคนเกิดความกลัว กลัวโดนว่าบ้าง กลัวเจ้านายไม่ชอบบ้าง กลัวไม่ได้รับเงินบ้าง กลัวไม่ได้สองขั้นบ้าง หรือกลัวไม่เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานบ้าง….กลัวสู้กับคนอื่นไม่ได้บ้าง…ฯลฯ

ทุกๆความกลัวที่กล่าวถึง….มันคือความเห็นแก่ตัวทั้งสิ้น…เคยมีไหมที่เกิดความกลัวดังต่อไปนี้…กลัวชาวบ้านจะเดือดร้อน…กลัวลูกหลานจะติดยา….กลัวลูกหลานจะเป็นบ้า…กลัวสังคมจะเสื่อมโทรม…กลัวประเทศชาติจะล่มจม..ฯลฯ นี่แหละคือคำถาม…..ซึ่งที่ผ่านมาเจอสิ่งต่างๆเหล่านี้มาพอสมควร…จริงไม่จริงก็ใช้วิจารณญาณคิดกันเอาเองเพราะเชื่อว่าทุกคนมีความคิด….

ดังนั้น…การจะเริ่มต้นที่คิด และลงมือทำ …สิ่งที่จะมองข้ามไม่ได้คือมองตัวเอง…ทบทวนตัวเอง…ดังกระบวนเริ่มต้นของ ความฉลาดทางอารมณ์คือ  การทบทวนจิต คือ การทบทวนตัวเอง วิเคราะห์ตนเอง…นั้นเอง

หมอกร….ค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯ
๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖
ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตจังหวัดลพบุรี

จิตอาสางานที่เพิ่มค่าความเป็นมนุษย์

ท่ามกลางการบริโภคจนมีแนวโน้มว่ามนุษย์โลกจะต้องแย่งชิงทรัพยากรกันในอนาคตอันใกล้ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนเราจะเริ่มหวง ห่วง และตั้งหน้าตักตวงทรัพยากรโลกเพื่อตัวเองมากขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านมาแล้วหลายปี โลกได้บอกเราเป็นนัยๆว่า การดำรงชีวิตแบบ “ตัวใครตัวท่าน” ยังไม่ใช่ทางออกและทางรอดอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นเดินสวนกระแส โดยเปลี่ยนจากชีวิตแบบ “เอาแต่ได้” มาใช้ชีวิตแบบ “มีแต่ให้” และวิถีชีวิตเช่นนี้เองที่นับเป็นแสงสว่าง ณ ปลายอุโมงค์ที่ทำให้เห็นว่า การแบ่งปันและการให้คือทางออกที่ใช่สำหรับโลกของเราในวันนี้และวันหน้า

จิตอาสาคือยาวิเศษ

แม้คำว่า เมตตา-กรุณา จะบัญญัติไว้ในพจนานุกรมมาเป็นเวลานานแล้ว แต่หลายคนก็เพิ่งจะสัมผัสถึงความหมายที่จริงแท้ของ จิตใจที่ต้องการให้ผู้อื่นมีความสุข (เมตตา) และ การลงมือช่วยเหลือให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ (กรุณา) ก็เมื่อคลื่นยักษ์สินามิถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันเมื่อราวห้าปีก่อน

แม้ด้านมืดของเหตุการณ์จะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนอย่างมหาศาล แต่ด้านสว่างของเหตุการณ์ดังกล่าวกลับเผยให้หลายคนมีโอกาสได้รู้จักคำว่า “จิตอาสา” อันเกิดจากการไม่อาจทนเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ เมื่อน้ำทะเลลด สิ่งที่ไหลมาแทนที่คือน้ำใจ อาสาสมัครจำนวนมากต่างสละกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างแข็งขัน แม้จะต่างถิ่นฐาน ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ทว่าผู้เสียหายเหล่านั้นต่างมีจิตดวงเดียวกันคือ “จิตอาสา”

พระไพศาล วิสาโล ได้ให้คำนิยามของคำว่า “ จิตอาสา ” ไว้ในหนังสือ เมื่อดอกไม้บานสะพรั่งทั้งแผ่นดินว่า “จิตอาสาคือจิตที่พร้อมจะสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดายเมื่อพบเห็นปัญหาหรือความทุกข์ยากเกิดขึ้นกับผู้คน เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดีและเห็นน้ำตาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เป็นจิตที่เปี่ยมด้วย “บุญ” คือความสงบเย็นและพลังแห่งความดี”

กล่าวได้ว่า จิตอาสาหรือแห่งการเสียสละเปรียบเสมือนยาวิเศษ ที่ช่วยลดอาการของโรคเห็นแก่ตัว ( selfish ) อีกทั้งยังช่วยลดทอนตัวตนหรืออัตตาของคนเราลงได้เป็นอย่างดี

อ่านเพิ่มเติม

สไลด์ความฉลาดทางอารมย์ และปัญญา ในเด็กปฐมวัย

>>> ดาวโหลด IQ&EQ ในเด็กปฐมวัย pptx

ปมปัญหาการตั้งครรภ์ในแม่วัยรุ่น

ปัจจุบันปัญหาในเด็กและเยาวชนนอกจากปัญหาเด็กติดเกมส์ออนไลน์ ติดยาเสพติด หรือแม้แต่การติดการพนันแล้ว วัยรุ่นในปัจจุบันยังมีปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรอีกด้วย ปัญหาดังกล่าวมิได้ส่งผลกระทบต่ออนาคตของเด็กไทยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่ออนาคตของชาติอีกด้วย เนื่องจากการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมส่งผลให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงดูบุตร ปัญหาทางด้านการเงินเพราะไม่มีงานทำซึ่งอาจนำไปปัญหาการประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมายได้ดังนั้นปัญหานี้จึงเป็นปัญหาสำคัญทั้งผู้ใหญ่และเด็กควรทำความเข้าใจเพื่อป้องกันปัญหาการท้องไม่พร้อม

อายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก

จากข้อมูลการสำรวจของหน่วยงานต่างๆ พบว่า อายุของผู้ที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 – 2552 โดยอายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมีอายุระหว่าง 15-16 ปี (ดังตารางที่ 1)

ตารางที่ 1 แสดงอายุเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจำแนกตามแหล่งข้อมูล

แหล่งข้อมูล อายุเฉลี่ย (ปี)
  สถาบันวิจัยะระบบสาธารณสุข พ.ศ. 2539 18-19
  สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย พ.ศ. 2545 15-16
  เอแบคโพลล์ พ.ศ. 2547 15-16
  อนามัยโพลล์ พ.ศ. 2552 15-16

ที่มา : สถานการณ์อนามัยเจริญพันธ์ในเด็กและเยาวชน สำนักอนามัยเจริญพันธุ์และสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข อ้างใน http://rh.anamai.moph.go.th/all_file/index/Pregnancy%2017-3-54.pdf

จุดเสี่ยงเสียสาว

จากการสำรวจพฤติกรรมทางเพศของเด็กนักเรียนในระดับชั้นต่างๆ ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มัธยมศึกษาปีที่ 5 และนักศึกษาปวช.ชั้นปีที่ 2 ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปีพ.ศ. 2553 พบว่า บ้านซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยกลายเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องมีการเฝ้าระวังมากที่สุด เพราะนักเรียนทั้งชายและหญิงต่างก็ระบุว่า เลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมากที่สุด คือ บ้านเพื่อนหรือบ้านของตนเอง โดยนักเรียนชายระดับชั้นม.ต้น มีร้อยละ 67.9 ม.ปลาย ร้อยละ 72.0 และนักศึกษาปวช. ร้อยละ 64.0 ในขณะที่เพศหญิงระดับชั้นม.ต้น ร้อยละ 62.7 ม.ปลาย ร้อยละ 63.5 และนักศึกษาปวช. ร้อยละ 57.9 รองลงมาเลือก หอพัก และโรงแรม (ดังตารางที่ 2)

ตารางที่ 2 แสดงสถานที่ที่นักเรียนร่วมเพศครั้งแรก (ร้อยละ)

สถานที่
2552
เพศ ม.2 ม.5 ปวช.2
2552
ม.2 ม.5 ปวช.2
บ้านเพื่อน/บ้านตัวเอง
ชาย 74.2 72.0 66.9
หญิง 67.2 67.8 59.6
67.9 72.0 64.0
62.7 63.5 57.9
โรงแรม/อพาร์ทเมนท์/ห้องเช่า(ชั่วคราว)
ชาย 8.0 13.8 12.4
หญิง 7.0 12.6 12.5
9.9 12.7 13.5
14.8 14.8 13.2
หอพัก
ชาย 11.9 11.6 18.4
หญิง 10.4 11.5 20.2
13.1 11.9 19.7
9.3 11.6 20.2
อื่นๆ
ชาย 5.9 2.6 2.3
หญิง 15.4 8.1 7.7
9.1 3.4 2.8
13.2 10.1 8.7

ที่มา : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค 2553 อ้างใน สถานการณ์อนามัยเจริญพันธ์ในเด็กและเยาวชน สำนักอนามัยเจริญพันธุ์และสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข 

อ่านเพิ่มเติม